ชาวไร่มันสำปะหลังที่จังหวัดกาฬสินธุ์ พอใจราคามันสำปะหลังยุค “ลุงตู่” พุ่ง กิโลกรัมละ 3 บาท เร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตจำหน่าย เพื่อเตรียมพื้นที่ปลูกรุ่นใหม่ ขอบคุณรัฐบาล ฉุดราคารับซื้อสูงขึ้นต่อเนื่อง หลังจากราคาตกต่ำเพียงกิโลกรัมละ 1 บาท จึงจะขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มมากขึ้นหวังโกยเงิน ใช้หนี้ มีกำไร ที่จะทำให้ชาวไร่มันสำปะหลังอยู่ได้
[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=AvHJtx7TdPI[/embedyt]
จากการติดตามบรรยากาศการเก็บเกี่ยวผลผลิตมันสำปะหลัง ของเกษตรกรชาวไร่มันที่จังหวัดกาฬสินธุ์ พบว่าเต็มไปด้วยความสดใส ชาวไร่ทุกคนมีรอยยิ้ม มีกำลังใจ ที่จะประกอบอาชีพปลูกมันสำปะหลังต่อไป ถึงแม้จะลำบาก ต้นทุนค่อนข้างสูง แต่ขายได้ราคาดี มีกำไร ก็ทำให้หายเหนื่อย
นางมณี วงศ์สมศรี อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 136 ชาวไร่มันสำปะหลัง บ้านหนองกาว หมู่ 5 ต.นาเชือก อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า เนื่องจากที่ดินทำกินอยู่บนที่สูง เหมาะสำหรับปลูกพืชไร่ จึงปลูกมันสำปะหลัง และปลูกอ้อย โดย 4-5 ปีก่อน ตนและเพื่อนบ้าน จะพากันปลูกอ้อยกันมาก เนื่องจากราคารับซื้อค่อนข้างสูง ตันละประมาณ 1,200 บาท
ขณะที่ราคามันสำปะหลังเพียงตันประมาณ 1,000 บาท ซึ่งหากเปรียบเทียบต้นทุนและการบริหารจัดการทุกขั้นตอน และหักลบกลบหนี้แล้ว การปลูกอ้อยจะง่ายและมีกำไรมากกว่า จึงเห็นว่านับถอยหลังไป 5-10 ปี พื้นที่ปลูกมันสำหลังลดหายไปมาก กลายเป็นไร่อ้อย และแปลงยางพารา แปลงมะม่วง เนื่องจากปลูกมันสำปะหลังขาดทุน
นางมณีกล่าวอีกว่า จากประสบการณ์ ราคารับซื้อผลผลิตไม่แน่นอน ปลูกมากราคารับซื้อผลผลิตต่ำ ปลูกน้อยราคาดี ตนจึงปลูกทั้งอ้อยและมันสำปะหลัง เผื่อราคาอย่างใดอย่างหนึ่งจะดีขึ้น โดยแบ่งพื้นที่สำหรับปลูกอ้อยส่วนหนึ่ง และปลูกมันสำปะหลังประมาณ 25 ไร่ อายุ 10 เดือนเก็บเกี่ยว ปีที่แล้วได้ราคาสูงสุด ตันละ 2,700 บาท ปีนี้ดีขึ้น ตันละ 3,000 บาท จึงคาดไว้ว่าในการปลูกมันสำปะหลังรุ่นต่อไป จะขยายพื้นที่ปลูกมากขึ้น โดยลดพื้นที่ปลูกอ้อย เป็นแปลงปลูกมันสำปะหลังเพิ่มมากขึ้น
“อย่างไรก็ตาม หากนับย้อนหลัง 3-4 ปี ราคามันสำปะหลังตกต่ำมาก ตันละประมาณ 1,000 บาท แต่หลังจากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามาบริหารประเทศ จะเห็นว่าราคารับซื้อมันสำปะหลังปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ชาวไร่มีกำไร โดยตนทำการปลูก 3 สายพันธุ์ ตามความเหมาะสมของสภาพดิน มีสายพันธุ์เกษตรศาสตร์ สายพันธุ์ซีโอ และสายพันธุ์พวงเพชร ทั้งนี้ขอขอบคุณรัฐบาล ที่มีนโยบายในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และลดทุนการปลูกมันสำปะหลัง รวมทั้งภาคการเกษตรอื่นๆ
โดยเฉพาะปรับราคารับซื้อผลผลิตสูงขึ้น และถ้าจะให้ดีที่สุด การรับซื้อผลผลิตควรจะมีประกันราคา หรืออย่างราคามันสำปะหลัง ควรเริ่มต้นที่ราคากิโลกรัมละ 3.50 บาท หรือตันละ 3,500 บาทขึ้นไปจะดีมาก เพราะมีอยู่ช่วงหนึ่งเคยพุ่งสูงถึงตันละ 3,800 บาท ทั้งนี้ชาวไร่มันสำปะหลังจะได้มีกำไรมากขึ้น สามารถลืมตาอ้าปากได้ และมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้” นางมณีกล่าว
/ณัฐพงษ์ ประชากูล จ.กาฬสินธุ์
